๒) ให้ ศธ.บรรจุเรื่องโรคที่เกี่ยวกับบุหรี่เข้าไปหลักสูตรการเรียนการสอน
รวมทั้งบรรจุลงในคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต
พร้อมทั้งให้หน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัดทั้งภาครัฐและเอกชน
ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาสูบในสถานศึกษาอย่างใกล้ชิด
๓) กำชับให้สถานศึกษาทุกแห่ง
- ต้องติดป้ายห้ามสูบบุหรี่ในสถานศึกษา
- ห้ามสูบบุหรี่ในสถานศึกษา ตามที่กฎหมายกำหนด
-
ห้ามสูบบุหรี่ในขณะที่อยู่ในชุดของสถาบันหรือชุดนักศึกษา
- ให้บุคลากรทางการศึกษา คือ ผู้บริหาร ครู
นักการภารโรง ผู้นำทางศาสนา ฯลฯ เป็นแบบอย่างที่ดี
โดยเลิกสูบบุหรี่
แต่หากยังไม่สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้
ก็ไม่ควรสูบให้ผู้อื่นเห็น
-
ให้การสนับสนุนงบประมาณในการผลิตสื่อนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อการเรียนรู้
ด้านพิษภัยจากบุหรี่อย่างเป็นรูปธรรม
และการวิจัยกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ
นอกจากนี้ มาตรา ๕.๓
ตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก
ได้ระบุว่า ห้ามเจ้าน้าที่รัฐ หน่วยงานราชการ
ร่วมกิจกรรม รับการสนับสนุนใดๆ จากธุรกิจยาสูบ
ซึ่งรวมถึงรูปแบบ
Corporate Social Responsibility : CSR ด้วย
เนื่องจากเป็นกรณีของผลประโยชน์ทับซ้อน
และส่งผลต่อการแทรกแซงการควบคุมยาสูบโดยธุรกิจยาสูบ
ภาพ สถาพร ถาวรสุข
การประชุมในครั้งนี้ มี
ดร.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์
เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.)
นายชาญวิทย์
ทับสุพรรณ
เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.)
นายประเสริฐ บุญเรือง
เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
(สำนักงาน กศน.)
รวมทั้งผู้บริหารจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(สพฐ.)
เข้าร่วมประชุม และภายหลังจากนี้ ศธ.จะแจ้งรายละเอียดให้ทุกองค์กรหลักทราบ
เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป
พร้อมทั้งขอให้สถานศึกษาทุกแห่งทุกระดับทั้งภาครัฐและเอกชน
ได้ติดป้ายรณรงค์ให้ "สถานศึกษาเป็นเขตปลอดบุหรี่ตามกฎหมาย
ห้ามสูบบุหรี่ในสถานศึกษา" ต่อไปด้วย
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น